ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
Th
En
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
เว็บไซต์น่าสนใจ
แผนผังเว็บไซต์
ข่าวภาวะการลงทุน
พรบ.ข้อมูลข่าวสารราชการ
หน้าแรก
เกี่ยวกับศูนย์
ข่าวสาร
ปฏิทินกิจกรรม
บริการ
คำถามที่พบบ่อย
ติดต่อเรา
.
ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
หน้าแรก
ข่าวสาร
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (RSI) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (RSI) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562
04 ธันวาคม 2562
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
(Thailand Regional Economic Sentiment Index: RSI)
ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562
นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลังและนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนพฤศจิกายน 2562 ว่า “การประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดล่าสุด จากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (คาดการณ์ 6 เดือนข้างหน้า) ชี้แนวโน้มอนาคตเศรษฐกิจที่ขยายตัว โดยเฉพาะ ภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากภาคเกษตรและภาคการบริการเป็นปัจจัยสนับสนุน แต่ควรติดตามสถานการณ์ด้านการบริการของ กทม. และปริมณฑล”
♦ ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 60.8 ♦
แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากแนวโน้มของภาคอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดยแนวโน้มธุรกิจภาคอุตสาหกรรมดีขึ้น เนื่องจากมาตรการการกระตุ้นของภาครัฐที่ส่งเสริมการค้าการลงทุน และปัจจัยบวกในเรื่องของ EEC ที่มีการเชิญชวนให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน อย่างไรก็ดี ยังคงมีหลายจังหวัดที่คาดว่าภาคอุตสาหกรรมจะชะลอลง และมีความกังวลจากผลกระทบของสงครามการค้าที่ต่อเนื่องจากปีนี้ ประกอบกับแนวโน้มการจ้างงานลดลงเนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนมีการปรับใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคต่างๆ ดังนี้
► ภาคตะวันตก อยู่ที่ระดับ 65.6
► ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 65.6
► ภาคเหนือ อยู่ที่ 63.8
► ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 59.5
► ภาคกลาง อยู่ในเกณฑ์ดีที่ระดับ 56.1
► กทม. และปริมณฑล ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.0
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
www.fpo.go.th