บอร์ดบีโอไอคลอด 2 มาตรการพิเศษ กระจายรายได้ – เพิ่มโอกาสการลงทุนในภูมิภาค

14 มกราคม 2562

 บอร์ดบีโอไอคลอด 2 มาตรการพิเศษ 
 กระจายรายได้ – เพิ่มโอกาสการลงทุนในภูมิภาค 

 

                บอร์ดบีโอไอเห็นชอบ 2 มาตรการพิเศษ เน้นส่งเสริมแaริมการลงทุนอุตสาหกรรมระบบราง พัฒนาระบบโลจิสติกส์ ไปสู่ภูมิภาคและส่งเสริมการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่
               
                นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้พิจารณามาตรการสำคัญหลายเรื่องซึ่งจะช่วยให้เกิดการกระจายรายได้และสร้างโอกาสในการลงทุนสู่ภูมิภาค รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมโยงเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปสู่การท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น และที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการสำคัญ 2 เรื่อง ดังนี้
 
สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง
                1. มาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากในอนาคต จะมีการพัฒนาระบบรางระยะทางรวมมากกว่า 6,000 กิโลเมตร ทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูง จึงเป็นโอกาสอันดีในการสร้างอุตสาหกรรมในประเทศจากความต้องการในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย และลดการพึ่งพาการนำเข้า ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ปรับปรุงประเภทกิจการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์สำหรับระบบรางที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญ และการผลิตชิ้นส่วนและ/หรือระบบสนับสนุนที่จำเป็น อาทิ การผลิตโครงสร้างหลัก ตู้โดยสาร ห้องควบคุมรถและอุปกรณ์ โบกี้ ระบบห้ามล้อและ/หรือชิ้นส่วนสำคัญ ระบบไฟฟ้าและระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบควบคุมและระบบอาณัติสัญญาน รางและชิ้นส่วนราง เป็นต้น รวมทั้งการออกแบบทางวิศวกรรม
 
                นอกจากนี้ ยังกำหนดมาตรการพิเศษ เพื่อเร่งให้เกิดการลงทุนในกลุ่มกิจการอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับแผนงานรองรับระบบขนส่งมวลชนทางรางของภาครัฐในอนาคต โดยกิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 นี้ จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 3-5 ปี นับจากวันสิ้นสุดการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของโครงการ ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ หากลงทุนตามเงื่อนไขที่กำหนด
 
                “นอกจากมาตรการของบีโอไอจะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตในระบบรางแล้ว ยังเป็นแรงผลักดันหนึ่งในการช่วยสร้างความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา และการพัฒนาบุคลากรระหว่างบริษัทเอกชนและสถาบันการศึกษาด้วย และที่สำคัญระบบรางต่างๆ จะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ และสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศด้วย” เลขาธิการบีโอไอกล่าว
 
ปรับปรุงเงื่อนไข - เพิ่มกิจการท่องเที่ยว
                2. นโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ภาคอื่นๆ ได้ ทั้งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ จึงควรกระตุ้นให้เกิดการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว และการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น และสอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน คณะกรรมการจึงเห็นชอบให้ปรับปรุงประเภทกิจการด้านการท่องเที่ยวที่ให้การส่งเสริมอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งเปิดให้การส่งเสริมประเภทกิจการใหม่ ดังนี้
                1.ปรับปรุงแก้ไขหรือขยายขอบเขตประเภทกิจการรวมถึงเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนเดิม อาทิ กิจการพิพิธภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมกิจการพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ในเมืองรองต่าง ๆ
                2. เพิ่มประเภทกิจการ ได้แก่ 1)กิจการท่าเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (CRUISE TERMINAL) เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อรองรับการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ โดยเฉพาะเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (CRUISE 2) กิจการสร้างแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่มีขนาดใหญ่ และได้มาตรฐาน สาหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว
 
ไฟเขียวส่งเสริมการลงทุนบริษัท ไออาร์พีซี
                ที่ประชุมได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนแก่บริษัท ไออาร์พีซี จากัด (มหาชน) ในการขยายกิจการผลิตผลิตพาราไซลีน (PARAXYLENE) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นหลักสาหรับการผลิตโพลีเอสเตอร์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เช่น เส้นใยโพลีเอสเตอร์ เม็ดพลาสติกที่ใช้ในการผลิตขวดน้าดื่ม เป็นต้น และสารเบนซีน (BENZENE) ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปิโตรเคมีขั้นปลายชนิดพิเศษอื่นๆ เงินลงทุนทั้งสิ้น 35,960 ล้านบาท ตั้งกิจการอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมของบริษัท ไออาร์พีซี จังหวัดระยอง โครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุด และเป็นการผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกซึ่งกาลังขยายตัว

***************************************************

ข้อมูลจาก: ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)